มันไม่ได้อยู่ที่การเกิดใน Generation นี้ต้องคิดอย่างนี้เท่านั้น เกิดใน Generation นึงก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นคนแบบนั้นเสมอไป ... แต่มันอยู่ที่ลักษณะเฉพาะของแต่ละคนด้วยครับว่าที่เป็น "คนรู้จักคิด" มากน้อยแค่ไหน
เมื่อคิดเองไม่ได้เลยก็กลายเป็น Followers ที่ต้องอยู่ในกระแสตลอดเวลา
เป็นคนส่วนใหญ่ที่รู้สึกปลอดภัยในช่วงที่สังคมเดินไปข้างหน้า
เขากำลังเฮอะไร คนกลุ่มนี้ก็เฮตาม ... ปลอดภัยดี
ถ้าคิดได้ตกผลึกมากกว่าคนส่วนใหญ่หน่อยหรือได้รู้เยอะหน่อยก็ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกระแสใน Gen นั้น ... ซึ่งลักษณะเฉพาะของกลุ่มนี้คือถ้าผิดก็ผิดเยอะ ถ้าถูกก็ถูกเยอะ
แต่ถ้าคิดได้แตกฉานก็จะข้ามกระแสไปเลย
และสามารถข้ามเส้นแบ่งของ Generation ไปได้ในที่สุด
เพราะการตามกระแสก็ทำให้ตามคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นพี่น้องเพื่อนฝูงนั่นแหละครับ หรือการพยายามจะเป็นผู้นำก็วนเวียนอยู่กับวงในใกล้เคียงกันอยู่ดี เราเลยมีวิธีคิดใกล้เคียงกันกับคนส่วนใหญ่
ผมเจอ Gen Boomers อายุ 70-80 หลายท่านที่ทันสมัยกว่า Gen Y ส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ใช่มีแต่พูดเรื่องล้ำ ๆ แต่วิธีคิดยังทันสมัยไม่ติดกับแก่นหรือกระพี้เดิมด้วย พอมีประสบการณ์สูงมากก็ยิ่งคมมากกว่ารุ่นน้อง, รุ่นหลานด้วยซ้ำ ...
ที่มีโอกาสเจอบ่อยก็คือ Gen Y บางคนที่แตกต่างจากคนอื่นด้วยความล้ำลึกกว่า, ตั้งใจมากกว่าและมีวิธีคิดที่เข้าได้กับทุกสถานการณ์ ... กลุ่มนี้เจอได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ... แต่ก็มีเหมือนกันนะครับที่เป็นคนรุ่นใหม่, พูดคำศัพท์ใหม่ ๆ แต่วิธีคิดโบราณมากจนน่าตกใจ
สิ่งที่เจอบ่อยใน Gen X ก็คือการคิดเหมือนคนแก่เลย ซึ่งต้องระวังเพราะคนรุ่นผมนี่แหละที่กำลังเริ่มรู้สึกตัวว่าอาวุโสแล้ว ตามไม่ทันแล้ว และปล่อยให้เลยตามเลยไปโดยที่นั่งตั้งคำถามในห้องประชุมอย่างเดียว แก่แล้วแก่เลยนะครับ ... ทุกวันนี้ยังพอมี Gen X บางคนที่คุยกันได้สนุกและเป็นผู้นำทางความคิดให้กับสังคมได้ดีเช่นกัน ก็ฝากความหวังไว้ด้วยนะครับ
เมื่อกระแสของ Generation พัดพาไป คนส่วนใหญ่นั้นไม่อยากหลุดจากกระแส ที่สำคัญก็คือความที่ไม่อยากสวนกระแสหรือไม่ต้องการให้แตกต่างจากคนอื่น Mindset ที่ว่านี้ก็เลยพากันไปพร้อมกันทั้งฝูง ช่วงไหนจะเป็นจ่าฝูงหรือเรื่องไหนจะเป็นลูกฝูงเท่านั้น
นี่คือคำตอบสำหรับบางคนที่สงสัยในชีวิตตัวเอง การเกิดใน Generation ทันสมัยแต่เป็น Followers ก็ไม่ต่างไปจากคนอื่น
ที่สังคมของเราต้องการให้มีเพิ่มขึ้นก็คือ Mindset ที่เหนือกระแส รู้ว่าอะไรคือกระแส รู้ว่าเขากำลังเห่ออะไร (หรือกำลังจะเห่ออะไร) แต่ไม่โฟกัสกับมัน เพราะสิ่งที่เขาคิดอยู่นั้นมีเหตุผลสำคัญในตัวเอง "คุณค่า" จึงอยู่ที่ความแตกฉานทางความคิด ไม่เช่นนั้นเราจะโดนนักการตลาดลากไปลากมาอยู่ตลอดเวลา แค่เปลี่ยนหน้าตา เปลี่ยนตำแหน่ง เปลี่ยนวิธีการไปตามยุคสมัย